fbpx

รู้สึกไม่สบายตัวบ่อย เช็กสัญญาณเตือนร่างกายอ่อนแอ มีอะไรบ้าง

หลายคนอาจรู้สึกไม่สบายตัวบ่อยครั้ง ทั้งอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ปวดศีรษะ หรือเบื่ออาหาร แต่พอได้พักหรือรับประทานอาหารก็มักจะรู้สึกดีขึ้น จึงมองข้ามอาการเหล่านี้ไป แต่ในความเป็นจริงแล้ว ร่างกายอาจกำลังต้องการได้รับการรักษาและฟื้นฟู ก่อนพัฒนาไปเป็นโรคร้ายแรงในอนาคต
ดังนั้น เราจะมาบอกถึงอาการที่เป็นสัญญาณเตือนว่าร่างกายกำลังขอความช่วยเหลือ และต้องรีบไปพบแพทย์ เพื่อรับการวินิจฉัยอันเหมาะสมและรักษาอย่างถูกต้องต่อไป

 

ผู้หญิงมีอาการปวดหัว เป็นสัญญาณเตือนร่างกายอ่อนแอที่เกิดจากความเครียด

 

สาเหตุที่ทำให้ร่างกายอ่อนแอ

สุขภาพร่างกายที่ไม่แข็งแรงย่อมต้องการการดูแลจากหลาย ๆ ด้าน แต่หากขาดความสมดุลในบางเรื่องไปก็อาจนำไปสู่ภาวะร่างกายอ่อนแอและเกิดโรคภัยได้ง่ายขึ้น

ความเครียดสะสม

ฮอร์โมนคอร์ติซอลที่เพิ่มขึ้นจากความเครียดเรื้อรัง สามารถส่งผลโดยตรงต่อระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายรู้สึกอ่อนเพลีย และทำให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หรือปวดศีรษะได้ง่ายขึ้น

พักผ่อนไม่เพียงพอ

การนอนน้อยหรือนอนแบบไม่มีคุณภาพจะส่งผลต่อกระบวนการซ่อมแซมของร่างกาย และลดประสิทธิภาพการทำงานของระบบต่าง ๆ โดยเฉพาะภูมิคุ้มกัน

โภชนาการที่ไม่สมดุล

การขาดสารอาหาร เช่น วิตามินซี วิตามินดี ธาตุเหล็ก หรือโปรตีน อาจส่งผลต่อการผลิตเซลล์เม็ดเลือดขาวและระบบฟื้นฟูร่างกาย ทำให้รู้สึกไม่สบายตัวบ่อยครั้ง

ภูมิคุ้มกันลดลงจากโรคหรือพฤติกรรมบางอย่าง

โรคประจำตัว อาทิ เบาหวาน หรือพฤติกรรมเสี่ยง เช่น สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ พักผ่อนน้อย ล้วนทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญ

 

ความรู้สึกไม่สบายตัว ที่เป็นสัญญาณเตือนร่างกายอ่อนแอ

หากเริ่มรู้สึกไม่สบายตัว โดยมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นต่อเนื่องหรือรุนแรงขึ้น ควรพิจารณาว่าอาจเป็นสัญญาณเตือนร่างกายอ่อนแอที่ต้องใส่ใจอย่างเร่งด่วน

อ่อนเพลียเรื้อรัง

แม้มั่นใจว่านอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมยังรู้สึกเหนื่อยอยู่ตลอดเวลา อาการเช่นนี้อาจบ่งชี้ถึงภาวะซีด โลหิตจาง หรือการทำงานของต่อมไร้ท่อต่าง ๆ ที่ผิดปกติ

นอนไม่หลับ

หากหลับยาก ตื่นกลางดึกบ่อย หรือหลับไม่สนิทแม้จะรู้สึกง่วง อาจเป็นสัญญาณของความเครียดสะสม หรือปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาท

เบื่ออาหาร น้ำหนักลด

น้ำหนักที่ลดลงฮวบฮาบโดยที่คุณไม่ตั้งใจ ถือเป็นอาการผิดปกติที่ต้องได้รับการวินิจฉัยว่าเกิดจากอะไร เพราะอาจเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของฮอร์โมน หรือร้ายแรงกว่านั้นคือโรคเรื้อรัง

ปวดเมื่อยตามร่างกาย

อาการปวดกล้ามเนื้อโดยไม่มีสาเหตุชัดเจน โดยเฉพาะช่วงหลัง คอ บ่า และไหล่ อาจเกี่ยวข้องกับภาวะออฟฟิศซินโดรม หรือการอักเสบของกล้ามเนื้อจากระบบภูมิคุ้มกัน

ปวดศีรษะเรื้อรัง

ไมเกรน หรือความเครียดทางจิตใจอาจเป็นต้นเหตุ แต่หากมีอาการปวดศีรษะแบบเรื้อรัง ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจเช็กระบบประสาทและระบบไหลเวียนโลหิต

ไอเรื้อรัง

หากคุณมีอาการไอนานเกิน 2 สัปดาห์โดยไม่มีไข้ หรือมีเสมหะผิดปกติ ควรตรวจหาสาเหตุ เช่น ภูมิแพ้ ไซนัส หรือแม้กระทั่งวัณโรค

ท้องอืด ท้องเฟ้อ

ความผิดปกติของระบบย่อยอาหาร สามารถบ่งชี้ได้ทั้งเรื่องลำไส้แปรปรวน หรือปัญหาในระบบตับและถุงน้ำดี

ระบบขับถ่ายไม่ปกติ

อุจจาระเหลวหรือแข็งเป็นประจำ หรือไม่ขับถ่ายติดต่อกันเป็นเวลานาน (โดยปกติ คนเราควรขับถ่ายทุกวัน) อาจสะท้อนถึงอาหารที่รับประทาน หรือความผิดปกติของลำไส้ได้

ปัสสาวะแสบขัด

เป็นสัญญาณเบื้องต้นของการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ โดยเฉพาะหากมีไข้ร่วมด้วย ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการรักษาทันที

มีเลือดออกผิดปกติ

ไม่ว่าจะเป็นเลือดออกตามไรฟัน เลือดกำเดา หรือเลือดออกจากแผลเล็ก ๆ ที่หยุดได้ยาก อาจเกี่ยวข้องกับระบบเลือดหรือการขาดวิตามินบางอย่าง


วิธีประเมินร่างกายด้วยตนเองเบื้องต้น

หากเริ่มรู้สึกไม่สบายตัว และมีสัญญาณเตือนร่างกายอ่อนแอดังที่ได้กล่าวไป คุณสามารถประเมินตนเองในเบื้องต้น และลองปรับพฤติกรรมเพื่อฟื้นฟูสุขภาพโดยรวมด้วยวิธีเหล่านี้ 

ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต

เข้านอนและตื่นในเวลาเดียวกันทุกวัน โดยควรนอนหลับอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง และหาเวลาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและระบบภูมิคุ้มกัน

เลือกรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง

บริโภคผลไม้หลากสี เช่น เบอร์รี แคร์รอต บรอกโคลี ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินอี และเบตาแคโรทีน ที่ช่วยฟื้นฟูร่างกายและป้องกันการอักเสบ

เสริมวิตามินหรืออาหารเสริมตามความเหมาะสม

โดยเฉพาะวิตามินดี โอเมกา 3 หรือโพรไบโอติกส์ แต่ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเริ่มรับประทาน

หลีกเลี่ยงความเครียด และฝึกสมาธิ

การฝึกสติ หรือทำกิจกรรมผ่อนคลาย เช่น ฟังเพลง วาดภาพ หรือเล่นโยคะ จะช่วยปรับสมดุลจิตใจและกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

 

ผู้หญิงเข้าพบแพทย์เนื่องจากรู้สึกไม่สบายตัว และอาการไม่ดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์

 

เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์ และไปตรวจร่างกาย ?

  • เมื่ออาการไม่ดีขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์ เช่น อาการปวดเมื่อยเรื้อรัง ไอไม่หาย หรือเบื่ออาหาร รับประทานอะไรไม่ได้จนน้ำหนักลดลงเรื่อย ๆ
  • หากอาการรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น นอนไม่หลับจนไม่มีแรงทำงาน หรือรู้สึกเหนื่อยง่ายจนไม่สามารถแม้แต่จะออกกำลังกายเบา ๆ ได้
  • เมื่อมีอาการหลายอย่างร่วมกัน เช่น อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ และเป็นไข้ ควรรีบพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและวินิจฉัยอย่างถูกต้อง
  • เข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี เป็นวิธีที่ช่วยให้สามารถพบความผิดปกติในระยะเริ่มต้น และป้องกันโรคร้ายแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น นั่งทำงานนาน หรือขยับร่างกายน้อย

 

เมื่อเริ่มรู้สึกไม่สบายตัว หรือมีอาการเรื้อรัง เช่น อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยบ่อย นอนไม่หลับ หรือระบบขับถ่ายทำงานผิดปกติ อย่ารอให้ช้าไปกว่านี้ เพราะอาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณเตือนร่างกายอ่อนแอที่ต้องการการดูแลอย่างเร่งด่วน

Bonefit Clinic พร้อมเป็นผู้ช่วยดูแลสุขภาพเชิงลึกให้คุณอย่างครบวงจร ด้วยบริการจาก Wellness Center มี 2 สาขาในกรุงเทพฯ ได้แก่ สาขาศรีนครินทร์ และสาขาราชพฤกษ์ มุ่งทำการรักษาโดยเน้นเวชศาสตร์ชะลอวัยและการแพทย์เชิงป้องกันโดยทีมแพทย์เฉพาะทาง ไม่ว่าจะเป็น

  • โปรแกรมตรวจสุขภาพเชิงลึก (Wellness Check-up)
  • วิตามินบำบัดเฉพาะบุคคล (Vitamin IV Drip)
  • โปรแกรม Immune Booster เพิ่มภูมิคุ้มกัน
  • โปรแกรมล้างสารพิษ Detoxification
  • กายภาพบำบัดสำหรับออฟฟิศซินโดรม

 

ทุกโปรแกรมออกแบบมาอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมปรับตามความเหมาะสมเฉพาะบุคคล เพื่อฟื้นฟูร่างกายจากภายในสู่ภายนอก และตอบโจทย์คนทำงานที่ใส่ใจสุขภาพอย่างแท้จริง

เริ่มต้นการดูแลสุขภาพอย่างยั่งยืน ด้วยโปรแกรม Wellness ราคาคุ้มค่า ที่ตอบโจทย์ทั้งคุณภาพและผลลัพธ์ นัดหมายเพื่อวางแผนดูแลสุขภาพ หรือต้องการเข้ารับการประเมินอาการเบื้องต้นได้ที่ Bonefit Clinic ใน 2 สาขาของเรา ทั้งที่สาขาศรีนครินทร์ และสาขาราชพฤกษ์ โทร 092-629-7964, 095-251-5952 หรือผ่านทาง Line ID: @BONEFIT Clinic 

 

ข้อมูลอ้างอิง

Weakness : Symptoms, Causes, Types & Treatments. สืบค้นเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2568 จาก https://continentalhospitals.com/blog/weakness-symptoms-causes-types-and-treatments/.