fbpx

ปวดเข่าเรื้อรัง รักษาด้วย PRP ทางเลือกไม่ต้องผ่าตัด

ปวดเข่าเรื้อรังจนส่งผลต่อการใช้ชีวิตและเลือกรักษาโดยไม่ผ่าตัด

การเคลื่อนไหวอย่างคล่องตัวถือเป็นสิ่งสำคัญที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการเดิน วิ่ง ขึ้นบันได หรือการออกกำลังกาย ซึ่งล้วนต้องอาศัยข้อเข่าที่แข็งแรงและยืดหยุ่น แต่เมื่ออายุเพิ่มขึ้น หรือมีการใช้งานข้อเข่าหนักเกินไป ความเสื่อมและการอักเสบในข้อเข่าอาจตามมาโดยไม่รู้ตัว โดยหนึ่งในปัญหาที่พบได้บ่อย คืออาการปวดเข่าเรื้อรัง ซึ่งส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวันและอาจทำให้หลายคนต้องหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่เคยทำ ซึ่งการรักษาแบบเดิมที่อาศัยยา หรือแม้แต่การผ่าตัด อาจไม่ใช่คำตอบสำหรับทุกคน จึงมีนวัตกรรมทางการแพทย์ใหม่ ๆ ที่ช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น โดยไม่ต้องผ่านการผ่าตัด นั่นก็คือ การรักษาด้วยการทำ PRP (Platelet-Rich Plasma)

การรักษาเข่าไม่ผ่าตัด ด้วย PRP คืออะไร ?

PRP หรือเกล็ดเลือดเข้มข้น คือการใช้เลือดของผู้ป่วยเอง นำมาปั่นแยกด้วยเครื่องเหวี่ยงความเร็วสูง เพื่อแยกเฉพาะชั้นที่อุดมไปด้วยเกล็ดเลือดเข้มข้น ซึ่งเกล็ดเลือดเหล่านี้อุดมไปด้วย Growth Factors ที่มีคุณสมบัติในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ กระตุ้นการฟื้นฟู ลดการอักเสบ เมื่อฉีดกลับเข้าไปยังบริเวณที่มีปัญหา เช่น ข้อเข่า กล้ามเนื้อ หรือเส้นเอ็น จะสามารถเข้าไปกระตุ้นการฟื้นฟูของร่างกายแบบธรรมชาติ ลดการอักเสบ และซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่สึกหรอได้อย่างตรงจุด

ตอบข้อข้องใจ ! ทำไมต้องใช้เกล็ดเลือด ?

เกล็ดเลือด (Platelets) เป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่มีหน้าที่หลักในการห้ามเลือด แต่ในทางการแพทย์ฟื้นฟู เกล็ดเลือดยังมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์และเนื้อเยื่อที่บาดเจ็บ เนื่องจากภายในเกล็ดเลือดมีสารที่เรียกว่า Growth Factors หรือ “สารกระตุ้นการเจริญเติบโต” ซึ่งช่วยสนับสนุนการซ่อมแซมของเซลล์ในระดับลึก นอกจากนี้ยังมีประสิทธิภาพเด่นหลายด้าน ได้แก่

  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเนื้อเยื่อใหม่ในข้อเข่า
    ช่วยให้บริเวณกระดูกอ่อนที่เสื่อมหรือสึกหรอได้รับการฟื้นฟู ส่งผลให้ข้อเข่าเคลื่อนไหวได้ดีขึ้นและลดการเกิดเสียงขณะงอเหยียด
  • ลดการอักเสบระดับเซลล์โดยไม่ต้องใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์
    ทำให้สามารถหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงของการใช้ยาลดอักเสบระยะยาวได้ เช่น อาการบวม น้ำหนักขึ้น หรือความเสี่ยงต่อกระเพาะอาหาร
  • เพิ่มการไหลเวียนเลือดในบริเวณที่ฉีด
    ส่งเสริมให้บริเวณที่บาดเจ็บได้รับสารอาหารและออกซิเจนมากขึ้น ซึ่งจำเป็นต่อกระบวนการซ่อมแซมตามธรรมชาติของร่างกาย
  • กระตุ้นการเจริญเติบโตของกระดูกอ่อน
    ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในข้อเข่า โดยเฉพาะกับผู้ป่วยที่มีภาวะข้อเข่าเสื่อมตั้งแต่ระดับต้นถึงปานกลาง

ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ PRP จึงกลายเป็นนวัตกรรมที่น่าเชื่อถือและเป็นทางเลือกอันดับต้นสำหรับผู้ที่ปวดข้อเรื้อรังและต้องการรักษาเข่าโดยไม่ต้องผ่าตัด ทำให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้โดยไม่ต้องพักฟื้นนาน

สัญญาณอาการข้อเข่าฝืดขณะเคลื่อนไหว ที่ควรเข้ารับการรักษาเข่าไม่ผ่าตัด

สังเกต 5 อาการที่ควรพิจารณาฉีด PRP เข่า

ก่อนที่อาการจะลุกลาม หรือรุนแรงจนต้องถึงขั้นผ่าตัด ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับข้อเข่าควรสังเกตอาการของตนเองอย่างใกล้ชิด เพราะหลายกรณีสามารถรักษาให้ดีขึ้นได้ตั้งแต่ระยะแรก ซึ่งหากมีอาการเหล่านี้ต่อไปนี้ อาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าควรเริ่มพิจารณาการรักษาเข่าแบบไม่ต้องผ่าตัดตัด ด้วยการทำ PRP 

  • ปวดเข่าเรื้อรัง แม้ไม่ได้ใช้งานหนัก ซึ่งการรักษาด้วยวิธี PRP สามารถช่วยลดการอักเสบและฟื้นฟูเนื้อเยื่อที่สึกหรอได้อย่างตรงจุด
  • เคยฉีดยา หรือทำกายภาพมาแล้วแต่อาการไม่ดีขึ้น ซึ่งหากยังปวด หรือเคลื่อนไหวลำบากอยู่ PRP อาจเป็นขั้นตอนถัดไปที่ช่วยแก้ปัญหาจากภายในได้ 
  • ข้อเข่าฝืด หรือมีเสียงดังขณะเคลื่อนไหว มักเกิดจากการสึกหรอของกระดูกอ่อน หรือการลดลงของน้ำหล่อเลี้ยงข้อที่ไม่ควรละเลย ซึ่งการรักษาด้วยวิธี PRP จะมีส่วนช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของกระดูกอ่อนใหม่และลดการเสียดสีภายในข้อเข่า
  • เคยผ่าตัดมาก่อนและไม่อยากผ่าซ้ำ วิธีอย่าง PRP ถือว่าเป็นทางเลือกที่สามารถช่วยฟื้นฟูข้อเข่าได้โดยไม่ต้องผ่าตัดซ้ำ ลดอาการปวดและเสริมความแข็งแรงของข้อในระยะยาว
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน หรือความดันสูง ที่มีความเสี่ยงสูงหากต้องเข้ารับการผ่าตัด

ปวดเข่าเรื้อรัง รักษาด้วย PRP ที่ไหนดี ? เลือกให้ถูกที่ เพื่อผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและคุ้มค่า

การเลือกสถานที่ฉีด PRP ไม่ใช่แค่ดูจากโปรโมชัน หรือราคาถูกที่สุดเท่านั้น แต่ควรพิจารณาถึงองค์ประกอบดังต่อไปนี้

1. มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟูและข้อเข่า

การฉีด PRP ต้องอาศัยความรู้เฉพาะทางเกี่ยวกับโครงสร้างของข้อเข่า รวมถึงตำแหน่งที่ต้องการฟื้นฟู แพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟูและข้อเข่า จะสามารถประเมินอาการและเลือกตำแหน่งในการฉีดได้อย่างตรงจุด เพื่อลดความเสี่ยงจากการฉีดผิดตำแหน่งซึ่งอาจทำให้ไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวัง

2. ใช้เครื่องปั่น PRP มาตรฐานทางการแพทย์

ประสิทธิภาพของ PRP จะขึ้นอยู่กับคุณภาพของเกล็ดเลือดที่สกัดได้ ซึ่งเครื่องปั่นที่ใช้จะต้องสามารถควบคุมแรงเหวี่ยงและรอบการปั่นได้อย่างแม่นยำเพื่อให้ได้ PRP ที่มีความเข้มข้นสูง หากใช้เครื่องที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจได้ PRP ที่มีคุณภาพต่ำ ไม่เพียงพอต่อการกระตุ้นการฟื้นฟูเนื้อเยื่อ จึงควรเลือกสถานที่ที่มีการใช้อุปกรณ์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานทางการแพทย์

3. คลินิก หรือโรงพยาบาลที่ได้รับใบอนุญาตถูกต้อง

การเข้ารับการรักษาในคลินิก หรือสถานพยาบาลที่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในด้านความสะอาด ความปลอดภัย ไปจนถึงมาตรฐานการดูแลผู้ป่วย โดยเฉพาะการรักษาด้วย PRP ที่ต้องเกี่ยวข้องกับกระบวนการทางชีวภาพของร่างกาย ซึ่งจำเป็นต้องดำเนินการภายใต้เงื่อนไขที่ปลอดเชื้อและควบคุมอย่างเข้มงวด

4. มีการประเมินก่อนและติดตามผลหลังฉีด

การฉีด PRP ที่มีประสิทธิภาพควรเริ่มจากการประเมินอาการอย่างละเอียด เช่น การซักประวัติ ตรวจร่างกาย หรือตรวจภาพถ่ายรังสี เพื่อกำหนดแผนการรักษาที่เหมาะสมและหลังฉีดควรมีการติดตามผลเป็นระยะ เช่น การนัดประเมินการตอบสนองของข้อเข่า การประเมินระดับความปวด รวมถึงปรับแผนการรักษาให้สอดคล้องกับผลที่เกิดขึ้นจริง เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ป่วยได้รับประโยชน์สูงสุดจากการรักษาด้วย PRP

หากกำลังมองหาว่าควรเลือกฉีด PRP เข่า ที่ไหนดี ? Bonefit Clinic รักษาโรคกระดูกและข้อเสื่อมแบบไม่ต้องผ่าตัด ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 4,990 บาทต่อครั้ง โดยได้รวบรวมทีมสหสาขาวิชาชีพ ที่ประกอบด้วยแพทย์ นักกายภาพบำบัด พยาบาล เภสัชกร และเทคนิคการแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการรักษาโรคกระดูก ข้อ และกล้ามเนื้อ พร้อมใช้อุปกรณ์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน หากสนใจฉีด PRP เพื่อรักษาเข่าเสื่อม สามารถนัดหมายแพทย์เพื่อปรึกษาและกำหนดแนวทางการรักษาที่ Bonefit Clinic  กับ 2 สาขา ทั้งที่สาขาศรีนครินทร์ และสาขาราชพฤกษ์ ติดต่อนัดหมายแพทย์ได้ที่ 092-629-7964, 095-251-5952 หรือผ่านทาง Line ID: @BONEFIT Clinic