fbpx
ปวดหลังรุนแรง คืออาการที่ควรรีบพบแพทย์โดยด่วน

ปวดหลังแบบไหนต้องไปหาหมอ ? ส่องอาการและแนวทางรักษา

อาการปวดหลังเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยและส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วโลก แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะมีอาการทุเลาลงหลังจากรักษาด้วยตัวเอง ด้วยการทานยาหรือเข้ารับการนวด แต่ในบางกรณีก็อาจเป็นสัญญาณเตือนร้ายแรง ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างเร่งด่วน

บทความนี้จะมาเจาะลึกถึงอาการปวดหลังแบบไหนที่ควรไปพบแพทย์ พร้อมสาเหตุ และสัญญาณเตือนที่ควรรู้ เพื่อให้คุณจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อาการปวดหลังมีกี่แบบ ?

  • ปวดแบบเฉียบพลัน (Acute) : อาการปวดหลังที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันและมีระยะเวลาไม่เกิน 6 สัปดาห์ มักเกิดจากการบาดเจ็บ เช่น การยกของหนักผิดท่า การเคลื่อนไหวร่างกายอย่างกะทันหัน หรือการได้รับอุบัติเหตุ มักจะรุนแรงในช่วงแรก และจะค่อย ๆ ทุเลาลงได้เองภายในระยะเวลาหนึ่ง
  • ปวดแบบกึ่งเฉียบพลัน (Subacute) : อาการปวดหลังต่อเนื่องกันนาน 6-12 สัปดาห์ อาจเกิดจากการที่อาการปวดเฉียบพลันไม่หายสนิท หรือเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ที่ซับซ้อนกว่า เช่น การอักเสบของข้อต่อ หรือการเสื่อมของกระดูกสันหลัง
  • ปวดแบบเรื้อรัง (Chronic) : อาการปวดหลังที่เกิดขึ้นนานเกิน 12 สัปดาห์ ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น ออฟฟิศซินโดรม โรคข้อเสื่อม โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท หรือความผิดปกติของโครงสร้างกระดูกสันหลัง

สาเหตุของอาการปวดหลังมีอะไรบ้าง ?

  1. ออฟฟิศซินโดรม : อาการที่เกิดจากการนั่งทำงานในท่าที่ไม่ถูกต้อง อาจทำให้กล้ามเนื้อตึง เกิดการอักเสบ และส่งผลให้ปวดหลัง คอ ไหล่ รวมถึงปวดเมื่อยตามร่างกาย
  2. การบาดเจ็บ : การใช้งานร่างกายหรือเล่นกีฬาอย่างไม่ถูกวิธี เช่น การยกของหนักผิดท่า การบิดตัวอย่างรุนแรง หรือการออกกำลังกายที่ไม่เหมาะสม พฤติกรรมเหล่านี้อาจทำให้กระดูกสันหลังหรือกล้ามเนื้อได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ อุบัติเหตุทางรถยนต์หรือการลื่นล้มก็อาจมีผลต่อส่วนต่าง ๆ ของกระดูกสันหลังเช่นกัน
  3. ความเสื่อมตามวัย : การเสื่อมสภาพของข้อต่อกระดูกสันหลังและหมอนรองกระดูก ที่เกิดจากการเสื่อมสภาพตามอายุ ทำให้เกิดการเสียดสีและกดทับเส้นประสาท จนส่งผลให้เกิดการปวดหลังได้
  4. โรคต่าง ๆ : มีหลายโรคที่เกี่ยวข้องกับอาการปวดหลัง เช่น โรคกล้ามเนื้ออักเสบ โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท โรคกระดูกสันหลังคด รวมถึงการติดเชื้อและมะเร็งที่กระทบต่อกระดูกสันหลัง
  5. ปัจจัยอื่น ๆ : ความเครียด ภาวะขาดสารอาหาร และการตั้งครรภ์ ก็มีส่วนสำคัญในการก่อให้เกิดอาการปวดหลังได้เช่นกัน

ส่องสัญญาณเตือนอาการปวดหลัง แบบไหนควรรีบมาพบแพทย์ ?

อาการปวดหลังเป็นเรื่องที่พบได้บ่อยในชีวิตประจำวัน แต่หากปวดเรื้อรัง หรือมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพร้ายแรง ซึ่งควรรีบปรึกษาแพทย์โดยทันที

  1. ปวดหลังเรื้อรังมากกว่า 3 เดือน : อาการปวดหลังยาวนาน อาจบ่งบอกถึงปัญหาที่ซับซ้อนมากกว่าอาการปวดกล้ามเนื้อทั่วไป เช่น โรคกระดูกสันหลังเสื่อม หรือโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระดูกสันหลัง ควรไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยอาการ และรักษาอย่างเหมาะสม 
  2. ปวดหลังรุนแรงจนรบกวนชีวิตประจำวัน : หากมีอาการปวดหลังจนรบกวนการทำงาน การนอนหลับ หรือกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและแนวทางการรักษา
  3. ปวดหลังมากจนนอนไม่ได้ : อาการปวดหลังรุนแรงจนนอนไม่หลับ อาจส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม ควรได้รับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม
  4. ปวดหลังร้าวลงมาขา โดยมีอาการขาชาหรืออ่อนแรงร่วมด้วย : อาการนี้อาจบ่งบอกถึงการกดทับเส้นประสาท ซึ่งอาจเกิดจากหมอนรองกระดูกทับ หรือโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาท
  5. ปวดหลังรุนแรงหลังจากการเกิดอุบัติเหตุ :  หากมีอาการปวดหลังรุนแรงหลังจากเกิดอุบัติเหตุ แม้จะไม่มีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายและทำการเอกซเรย์
  6. อาการปวดหลังที่มีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย : หากมีไข้ ปวดท้อง ปัสสาวะผิดปกติ ไอจนหอบเหนื่อยเป็นระยะเวลานาน อาจบ่งบอกถึงโรคอื่น ๆ ที่ร้ายแรงได้ เช่น การติดเชื้อในกระแสเลือด หรือโรคมะเร็ง ดังนั้น จึงควรเข้ารับการตรวจเช็กเพื่อวินิจฉัยสาเหตุของโรคต่อไป
ปวดหลังออฟฟิศซินโดรมเรื้อรังคืออาการที่ควรรีบพบแพทย์

รักษาอาการปวดหลัง คอ บ่า ไหล่ จากโรคออฟฟิศซินโดรม

อาการปวดหลังเป็นปัญหาสุขภาพที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต ดังนั้น หากพบสัญญาณเตือนที่น่าเป็นกังวล ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยสาเหตุและวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพ

สำหรับผู้ที่ประสบปัญหาปวดหลังจากอาการออฟฟิศซินโดรม ปัจจุบันมีแนวทางการรักษาที่ชื่อว่าโปรแกรม Progressive Muscle Relaxation ที่สามารถช่วยแก้ปัญหาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรังได้อย่างตรงจุด โดยลดความตึงตัวที่เกิดจาก Trigger Point และเพิ่มการไหลเวียนเลือด พร้อมช่วยปรับสมดุลการทำงานของกล้ามเนื้อและเส้นประสาท ทำให้รักษาอาการปวด คอ บ่า ไหล่ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โปรแกรม Progressive Muscle Relaxation เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการเหล่านี้

  • ผู้ที่มีอาการปวด เมื่อยล้า บริเวณ คอ บ่า ไหล่
  • ผู้ที่นั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์นาน เกิน 5-8 ชั่วโมง
  • ผู้ที่มีความเครียด วิตกกังวลมาเป็นเวลานาน
  • ผู้ที่ทำงานหนัก โดยใช้แรงเป็นประจำ เช่น งานยกแบกหาม หรืองานที่ต้องยืน เดิน นั่งเป็นเวลานาน
  • ผู้ที่ออกกำลังกายหนักมากเกินไป จนได้รับบาดเจ็บอย่างเฉียบพลันหรือปวดเรื้อรัง

Bonefit Clinic พร้อมช่วยรักษาอาการปวดคอ บ่า ไหล่ ที่เกิดจากภาวะออฟฟิศซินโดรม ด้วยโปรแกรมฟื้นฟูที่มีประสิทธิภาพ อย่าง Progressive Muscle Relaxation ที่สามารถช่วยฟื้นฟูสภาพร่างกายจากปัญหาอาการปวดตึงกล้ามเนื้อและพังผืดเรื้อรัง ซึ่งเกิดจากการบาดเจ็บและการใช้งานที่ไม่เหมาะสมเป็นเวลานาน โดยจะทำการประเมินอาการ และแจ้งรายละเอียดค่าใช้จ่ายก่อนเริ่มการรักษา เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง หากต้องการปรึกษาด้านการรักษาเพิ่มเติม สามารถทำการนัดหมายได้ที่ โทร. 092 629 7964, 095 251 5952 หรือ Line ID : @BONEFI Clinic

ข้อมูลอ้างอิง

  1. How do you know when back pain is serious? Know the symptoms and when to get treatment. สืบค้นเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2567. จาก https://www.healthpartners.com/blog/how-to-tell-if-back-pain-is-serious/.