การวิ่ง เป็นหนึ่งในกิจกรรมออกกำลังกายที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่คนรักสุขภาพ แต่สิ่งที่มาคู่กันคือ ปัญหาวิ่งแล้วปวดหลัง ซึ่งเป็นอาการไม่พึงประสงค์และมักส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการออกกำลังกาย รวมถึงคุณภาพชีวิตโดยรวม ดังนั้น สำหรับคนที่ชอบที่วิ่ง หรือออกกำลังกายด้วยวิธีอื่น ๆ แล้วปวดหลัง มาทำความเข้าใจถึงสาเหตุที่แท้จริง พร้อมวิธีแก้ไขและรักษาที่ตรงจุด เพื่อที่คุณจะได้เพลิดเพลินกับการออกกำลังกายอย่างเต็มที่และปลอดภัยต่อสุขภาพ
ท่าทางที่ไม่ถูกต้อง เป็นสาเหตุหลักของอาการปวดหลังในนักวิ่งและนักปั่นจักรยาน โดยสำหรับการวิ่ง หากก้มหลังเยอะเกิน หรือเอนตัวไปด้านหน้าหรือด้านหลังมากเกินไป ก็อาจทำให้เกิดแรงกดทับที่กระดูกสันหลังและกล้ามเนื้อหลังได้ ส่วนการปั่นจักรยาน หากจัดท่านั่งไม่เหมาะสม เช่น นั่งโน้มตัวไปด้านหน้ามากเกินไป หรือปรับความสูงของจักรยานไม่เหมาะสม ก็มีโอกาสทำให้เกิดความตึงเครียดที่หลังส่วนล่างได้
กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว (Core muscles) มีบทบาทสำคัญในการรักษาสมดุลและเสถียรภาพของร่างกายระหว่างการเคลื่อนไหว หากกล้ามเนื้อเหล่านี้อ่อนแอ จะทำให้กล้ามเนื้อหลังต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อรักษาท่าทาง นอกจากนี้ ความไม่สมดุลระหว่างกล้ามเนื้อด้านหน้าและด้านหลังของร่างกายก็อาจนำไปสู่อาการปวดหลังได้เช่นกัน
การละเลยการยืดเหยียดกล้ามเนื้อก่อนและหลังการออกกำลังกายอาจส่งผลให้กล้ามเนื้อเกิดความตึงเครียดและเจ็บปวดได้ ดังนั้น ควรมีการ Warm up และ Cool down เสมอเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและเอ็น ลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บ และช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้นหลังออกกำลังกาย
สำหรับนักวิ่ง การเลือกรองเท้าที่ไม่เหมาะสมกับลักษณะเท้าและรูปแบบการวิ่งของตนเอง จะทำให้เกิดการกระแทกมากเกินไปและส่งผลต่อการรับน้ำหนักของร่างกาย ซึ่งอาจนำไปสู่อาการปวดหลังได้ สำหรับนักปั่นจักรยานก็เช่นกัน ควรเลือกรองเท้าให้เหมาะสมกับตำแหน่งการวางเท้าบนบันไดจักรยาน เพื่อให้เกิดสมดุลในการปั่นมากขึ้น
พื้นผิวที่แข็งเกินไป เช่น พื้นคอนกรีต หรือพื้นผิวที่ไม่สม่ำเสมอ อาจเพิ่มแรงกระแทกต่อข้อต่อและกระดูกสันหลัง ทำให้เกิดอาการปวดหลังได้ โดยเฉพาะเมื่อวิ่งหรือปั่นจักรยานเป็นระยะเวลานาน
การเพิ่มระยะทางหรือระดับความหนักในการออกกำลังกายอย่างรวดเร็วเกินไปโดยไม่ให้ร่างกายได้ปรับตัว อาจทำให้กล้ามเนื้อและข้อต่อเกิดความเกร็งเครียด ซึ่งจะนำไปสู่อาการบาดเจ็บและปวดหลังได้ หากไม่อยากออกกำลังกายแล้วปวดหลัง วิธีแก้คือแนะนำให้ทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปจะดีกว่า
น้ำหนักตัวที่มากเกินไปสามารถเพิ่มแรงกดทับบนกระดูกสันหลังและข้อต่อต่าง ๆ ได้ โดยเฉพาะในขณะวิ่งหรือปั่นจักรยาน ซึ่งอาจนำไปสู่อาการวิ่งแล้วปวดหลัง ปั่นจักรยานแล้วปวดหลังได้ง่ายขึ้น ดังนั้น ต้องควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ เพื่อการออกกำลังกายที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย
การเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวและกล้ามเนื้อหลังเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการออกกำลังกายแล้วปวดหลัง เพราะจะช่วยเพิ่มเสถียรภาพให้กับกระดูกสันหลังมากขึ้น ท่าออกกำลังกายที่แนะนำ เช่น Planks, Bridges, Bird dogs, Superman holds หรือ Deadlifts (ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญ)
สำหรับผู้ที่วิ่งแล้วปวดหลังเรื้อรัง หรือต้องการการดูแลเฉพาะทาง Progressive Muscle Relaxation Program เป็นหนึ่งในวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด โปรแกรมนี้จะประกอบด้วยขั้นตอนต่าง ๆ ที่ออกแบบมาเพื่อบรรเทาอาการปวด ปรับสมดุลโครงสร้างร่างกาย และฟื้นฟูการทำงานของกล้ามเนื้อโดยเฉพาะ โดยใช้แนวทางการรักษาต่อไปนี้
ผู้เชี่ยวชาญจะทำการประเมินลักษณะการยืน การเดิน และท่าทางในชีวิตประจำวันของคุณ รวมถึงท่าทางในขณะวิ่งหรือปั่นจักรยาน เพื่อระบุสาเหตุที่แท้จริงของอาการปวดหลังผ่านการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น
สำหรับผู้ป่วยที่ออกกำลังกายแล้วปวดหลัง วิธีแก้สามารถทำได้โดยการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อบรรเทาอาการปวดและปรับสมดุลโครงสร้างร่างกาย ดังนี้
นอกจากการบำบัดทางกายภาพแล้ว การรักษาด้วยวิธี IV Therapy ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูร่างกายและบรรเทาอาการปวด โดยแบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก คือ
การออกกำลังกายแล้วปวดหลังเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้ทุกเพศ ทุกวัย แต่สามารถป้องกันและรักษาได้ด้วยวิธีการที่ถูกต้อง หากเข้าใจสาเหตุและปฏิบัติตามคำแนะนำข้างต้น คุณก็จะสามารถออกกำลังกายได้อย่างมีความสุขและส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวมมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม หากคุณประสบปัญหาอาการปวดหลังเรื้อรังที่ไม่ดีขึ้นหลังจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการฝึกฝนด้วยตนเอง ลองพิจารณาทางเลือกการรักษาที่มีประสิทธิภาพ ด้วยการทำกายภาพบำบัด Progressive Muscle Relaxation Program ที่ Bonefit Clinic คลินิกรักษาอาการปวดหลัง คอ บ่า ไหล่ในกรุงเทพฯ เราพร้อมให้คำปรึกษาและบริการโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้คุณมีสุขภาพที่ดีและแข็งแรงอย่างยั่งยืน สามารถติดต่อนัดหมายได้เลยวันนี้ โทร. 092-629-7964, 095-251-5952 หรือ Line ID: @BONEFIT Clinic
ข้อมูลอ้างอิง
HOME
About Us
Services
Blog
Review & Testimonials
BONEFIT THAILAND
Our Products
OA Knee Center
คลินิกรักษาข้อเข่าเสื่อม, รักษาอาการข้อเข่าเสื่อม, เเพทย์รักษาอาการข้อเข่าเสื่อมโดยไม่ต้องผ่าตัด