fbpx

4 ท่านั่งที่ถูกต้องสำหรับคนทำงาน ลดปวดหลัง-บ่า-ไหล่

 

“ออฟฟิศซินโดรม” เป็นกลุ่มอาการที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตและประสิทธิภาพในการทำงาน ยิ่งถ้าเราปล่อยให้อาการเหล่านี้สะสมเรื้อรัง ก็อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่รุนแรงมากขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ปัญหาที่แก้ไม่ได้ เพราะเพียงแค่เราปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเล็กน้อย เช่น การปรับท่านั่งทำงานให้ถูกต้อง รวมถึงการจัดวางอุปกรณ์ต่าง ๆ บนโต๊ะทำงานอย่างเหมาะสม ก็จะช่วยลดและป้องกันอาการเหล่านี้ให้ทุเลาลงได้

 

สาวออฟฟิศมีปัญหาหลังปวดหลังเรื้อรัง แต่เพียงแค่ปรับท่านั่งทำงานที่ถูกต้องก็ช่วยลดอาการออฟฟิศซินโดรม

 

อาการออฟฟิศซินโดรมที่พบบ่อย

  • ปวดคอ บ่า ไหล่

อาการนี้มักเกิดจากการนั่งทำงานในท่าที่ไม่ถูกต้อง เช่น คอยื่นไปข้างหน้า หรือไหล่ห่อ ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณคอ บ่า และไหล่ต้องเกร็งอยู่ตลอดเวลา จนเกิดอาการตึงและปวดเมื่อยตามมา

  • ปวดหลัง

เมื่อเรานั่งหลังค่อม หรือนั่งโดยไม่มีพนักพิงรองรับอย่างเหมาะสม กล้ามเนื้อหลังจะต้องทำงานหนักมากขึ้นเพื่อตรึงตัวให้นั่งอยู่ในท่าเดิม ส่งผลให้เกิดอาการปวดเรื้อรังที่หลังส่วนล่างหรือกลางหลังได้

  • ปวดข้อมือ

การใช้งานเมาส์หรือคีย์บอร์ดในระดับที่ไม่พอดี เช่น ยกข้อมือค้างไว้นาน ๆ หรือบิดข้อมือในมุมที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้เกิดแรงกดทับเส้นประสาทที่ข้อมือ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรค Carpal Tunnel Syndrome ( โรคที่ทำให้รู้สึกชาบริเวณนิ้วหรือมือ หรือปวดแสบเหมือนถูกเข็มทิ่ม)

  • ปวดศีรษะ

บางครั้งอาการปวดหัวอาจไม่ได้มาจากความเครียดเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากความตึงของกล้ามเนื้อบริเวณคอและบ่าที่เชื่อมโยงกัน หรือเกิดจากการเพ่งหน้าจอคอมนานเกินไป จนสายตาล้าและเกิดอาการปวดศีรษะตามมา

 

หลักการจัดท่าทางที่ถูกต้องสำหรับการทำงานหน้าคอมพิวเตอร์

  • ศีรษะ

ควรตั้งศีรษะให้ตรง ไม่ก้มลงหรือเงยขึ้นมากเกินไป โดยปรับให้หน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่ในระดับสายตา หรือต่ำกว่าเล็กน้อย เพื่อหลีกเลี่ยงการเกร็งคอและลดความเมื่อยล้า

  • หลัง

ควรพิงพนักพิงให้เต็มแผ่นหลัง โดยเฉพาะหลังส่วนล่าง เพื่อรองรับน้ำหนักตัวอย่างถูกต้อง และช่วยลดการเกร็งของกล้ามเนื้อที่อาจเกิดขึ้นจากการนั่งนาน ๆ

  • ไหล่

ปล่อยไหล่ให้อยู่ในท่าที่สบาย ไม่ยกสูงหรือห่อลง ควรอยู่ในระดับธรรมชาติ โดยที่ต้นแขนแนบลำตัว เพื่อลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อบริเวณไหล่และบ่า

  • แขนและมือ

ควรจัดให้ข้อศอกงอเป็นมุมประมาณ 90 องศา และข้อมืออยู่ในแนวตรง ไม่บิดหรือยกข้อมือสูงเกินไป ที่สำคัญคือไม่ควรวางข้อมือลงบนขอบโต๊ะโดยตรง เพราะขอบที่แหลมและแข็งอาจกดทับบริเวณข้อมือ ซึ่งเป็นจุดที่มีเส้นประสาท จนทำให้เกิดอาการชาหรือปวดข้อมือได้ในระยะยาว

  • สะโพกและต้นขา

นั่งให้สะโพกอยู่ในระดับเดียวกับหัวเข่าหรือสูงกว่าเล็กน้อย โดยควรใช้เก้าอี้ที่สามารถปรับระดับความสูงได้ เพื่อให้ต้นขาอยู่ในแนวราบและไม่ถูกกดทับ ทั้งนี้ควรมีช่วงว่างประมาณ 2-3 นิ้วระหว่างขอบเก้าอี้กับหลังเข่า

  • เข่าและเท้า

เข่าควรงอประมาณ 90 องศา และเท้าทั้งสองข้างวางราบกับพื้น หากเท้าไม่ถึงพื้น สามารถใช้ที่พักเท้า เพื่อช่วยรองรับน้ำหนักได้

 

4 ท่านั่งทำงานหน้าคอมที่ถูกต้อง ลดอาการออฟฟิศซินโดรมได้

เมื่อเราเข้าใจหลักการจัดท่าทางที่ถูกต้องสำหรับนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์แล้ว ต่อไปนี้คือ 4 ตัวอย่างท่าทางขณะทำงานที่เราอยากแนะนำ ซึ่งคุณสามารถสลับใช้ระหว่างวัน เพื่อช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อและลดอาการปวด

 

1. ท่านั่งตัวตรง (Upright Sitting)

ท่ามาตรฐานที่หลายคนคุ้นเคย เหมาะสำหรับการทำงานหน้าคอมฯ ในช่วงเวลาที่ต้องจดจ่อและใช้สมาธิ เช่น การพิมพ์งานหรือประชุมออนไลน์ เป็นท่าที่ช่วยจัดระเบียบร่างกายให้อยู่ในแนวที่ถูกต้อง และลดแรงกดทับบริเวณกระดูกสันหลัง

 

หลักการจัดท่าทาง

  • ศีรษะและคออยู่ในแนวตรงกับลำตัว ไม่ก้ม ไม่เงย
  • หลังตั้งตรง โดยพิงพนักเก้าอี้ให้เต็มแผ่นหลัง เพื่อรองรับน้ำหนักอย่างถูกต้อง
  • ไหล่ผ่อนคลาย ไม่ยกขึ้น และไม่เกร็ง ปล่อยให้อยู่ในตำแหน่งธรรมชาติ
  • ข้อศอกงออยู่ระหว่าง 90–120 องศา โดยแนบลำตัว ไม่แยกออกมาจากตัว
  • ข้อมือตรง ไม่บิดหรือพับขณะพิมพ์ เพื่อหลีกเลี่ยงการกดทับเส้นประสาท
  • ต้นขาขนานกับพื้น สะโพกและเข่าอยู่ระดับใกล้เคียงกัน เพื่อการไหลเวียนเลือดที่ดี
  • เท้าวางราบกับพื้น หากไม่ถึงพื้น แนะนำให้ใช้ที่พักเท้าช่วยรองรับ

 

2. ท่านั่งแบบเอนไปด้านหลังเล็กน้อย (Declined Sitting)

ท่านี้ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อยจากการนั่งตรง โดยเฉพาะสำหรับคนที่ต้องนั่งนานต่อเนื่อง เป็นท่าที่เหมาะสำหรับเปลี่ยนอิริยาบถระหว่างวัน ทั้งยังช่วยลดแรงกดดันที่กระดูกสันหลังส่วนล่าง

หลักการจัดท่าทาง

  • ลำตัวเอนไปด้านหลังเล็กน้อย หรืออยู่ในแนวตั้งตรง ตามความสบายของแต่ละคน
  • มุมระหว่างต้นขากับลำตัวกว้างกว่า 90 องศา 
  • สะโพกอยู่สูงกว่าหัวเข่า
  • ขาแนวตั้ง เท้าวางราบไปกับพื้น 
  • ศีรษะตรง ไม่ก้ม ไม่เงย เพื่อหลีกเลี่ยงอาการปวดคอ
  • มือวางในแนวข้อมือที่เป็นธรรมชาติ โดยไม่เอื้อมจนเกินไป

 

3. ท่านั่งแบบเอนหลัง (Reclined Sitting)

ท่าที่เอนหลังมากกว่าท่าอื่น ๆ เพื่อให้กล้ามเนื้อหลังได้พักและผ่อนคลาย ช่วยลดแรงกดที่กระดูกสันหลังและสะโพก เหมาะสำหรับการนั่งทำงานที่ไม่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น การอ่านเอกสารหรือดูงานที่ไม่ซับซ้อน

  • ลำตัวเอนไปด้านหลังในมุมระหว่าง 105–120 องศาจากต้นขา เพื่อกระจายน้ำหนัก
  • พิงพนักเก้าอี้ให้เต็มแผ่นหลัง ทั้งนี้ควรใช้เก้าอี้ที่รองรับน้ำหนักได้ดี 
  • ศีรษะและคอเอนตามแนวลำตัวอย่างสมดุล ไม่โน้มไปข้างหน้าหรือข้างหลังมากเกินไป
  • แขนวางในระดับที่ผ่อนคลาย ให้ข้อศอกงอประมาณ 90 องศา
  • เท้าวางบนพื้น หากเอนมากอาจใช้ที่พักเท้าเพื่อเพิ่มความสบาย
  • คีย์บอร์ดและเมาส์ควรวางใกล้ตัว เพื่อป้องกันการเอื้อมเกินความจำเป็น

 

4. ท่ายืน (Standing)

แม้ไม่ใช่ “ท่านั่ง” แต่การยืนในท่าที่ถูกต้อง เป็นอีกทางเลือกในการเปลี่ยนอิริยาบถ ที่ช่วยให้กล้ามเนื้อได้ขยับ กระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต และลดความตึงของกล้ามเนื้อหลัง ซึ่งเหมาะกับการยืนทำงานสั้น ๆ หรือสลับเปลี่ยนจากการนั่งนาน ๆ ก็จะช่วยป้องกันอาการออฟฟิศซินโดรมได้

  • ลำตัวตั้งตรง โดยให้ศีรษะ คอ ไหล่ และสะโพกเรียงในแนวเดียวกัน
  • เท้าวางห่างกันเล็กน้อยเพื่อรักษาสมดุล
  • น้ำหนักตัวกระจายทั้งสองข้าง หรือสลับพักเท้าข้างหนึ่งบนที่พักเท้าเป็นระยะ ๆ 
  • ข้อศอกงอประมาณ 90 องศา มืออยู่ในแนวที่ผ่อนคลาย ไม่เกร็งหรือยกสูง
  • จอคอมฯ ควรอยู่ในระดับสายตา ไม่ก้มหรือเงยหน้าเกินไป
  • หากยืนนาน ควรเดินยืดเส้นบ้างทุก 30–60 นาที เพื่อไม่ให้กล้ามเนื้อเกร็งจากการอยู่ในท่าเดียวนานเกินไป

 

หญิงสาวอยู่ในท่านั่งทำงานที่ถูกต้อง พร้อมวางเท้าบนที่พักเท้า

 

สำหรับผู้ที่ปวดหลังเรื้อรังจากออฟฟิศซินโดรม และมองหาที่รักษาเพื่อช่วยบรรเทาอาการ ที่ Bonefit Clinic มีโปรแกรม Progressive Muscle Relaxation ที่ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาออฟฟิศซินโดรมโดยเฉพาะ ด้วยการใช้หลักกายภาพบำบัดร่วมกับเทคนิคหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น RF Therapy หรือคลื่นความร้อนวิทยุความถี่ที่ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่บาดเจ็บ เทคนิค PMS หรือการกระตุ้นด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ช่วยให้กล้ามเนื้อทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ IV Therapy หรือการให้วิตามินทางหลอดเลือดสำหรับฟื้นฟูกล้ามเนื้อในระดับเซลล์ โดยเฉพาะเคสที่มีอาการปวดหลังเรื้อรัง เพื่อให้คุณสามารถกลับไปทำงานและใช้ชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

หากสนใจเข้ารับการประเมินอาการเบื้องต้น สามารถนัดหมายแพทย์เพื่อปรึกษาได้ที่ Bonefit Clinic กับ 2 สาขาของเรา ทั้งที่สาขาศรีนครินทร์ และสาขาราชพฤกษ์ โทร 092-629-7964, 095-251-5952 หรือผ่านทาง Line ID: @BONEFIT Clinic

ข้อมูลอ้างอิง

Computer Workstations » Good Working Positions. สืบค้นเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2568 จาก https://www.osha.gov/etools/computer-workstations/positions