ความปวดเมื่อยตามร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณข้อเข่า มักปรากฏเมื่ออายุเพิ่มขึ้น หรือจากการใช้งานข้อเข่าหนักเกินไป ช่วงแรกอาจเริ่มต้นด้วยความเมื่อยล้าเล็กน้อยที่ค่อย ๆ บรรเทาไปเอง แต่สำหรับหลายคน ความไม่สบายเหล่านี้กลับพัฒนาเป็นปัญหาเรื้อรังที่กระทบการดำเนินชีวิตประจำวันอย่างมาก
อย่างไรก็ดี ปัจจุบัน นอกจากวิธีรักษาข้อเข่าเสื่อมแบบดั้งเดิมแล้ว ยังมีอีกทางเลือกที่น่าสนใจและได้รับการกล่าวถึงอย่างกว้างขวางในหมู่ผู้มีปัญหาข้อเข่าเสื่อม ซึ่งสิ่งนั้นก็คือ การบำบัดด้วยการฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น หรือที่เรียกกันว่า PRP (Platelet-Rich Plasma)

PRP หรือ Platelet-Rich Plasma คือนวัตกรรมการรักษาที่นำเอาเลือดของผู้ป่วยเองมาผ่านกระบวนการปั่นแยกเพื่อให้ได้ส่วนที่มีเกล็ดเลือดเข้มข้นพิเศษ หลังจากนั้นจึงนำไปฉีดเข้าบริเวณที่มีการอักเสบหรือบาดเจ็บ
หลักการทำงานของ PRP คือการกระตุ้นกลไกการซ่อมแซมตามธรรมชาติของร่างกาย เมื่อเกล็ดเลือดเข้มข้นถูกฉีดเข้าไป จะปล่อยสารสำคัญต่าง ๆ ที่ช่วยในการฟื้นฟูเนื้อเยื่อ ทำให้เซลล์กระดูกอ่อน เส้นเอ็น และเนื้อเยื่อรอบข้อได้รับการบำรุงและฟื้นฟูอย่างเป็นธรรมชาติ ผลลัพธ์ที่ได้คืออาการอักเสบลดลง ข้อต่อยืดหยุ่นมากขึ้น และช่วยชะลอการเสื่อมของข้อเข่าได้
การฉีดเกล็ดเลือด PRP เพื่อรักษาอาการเข่าเสื่อม เหมาะกับกลุ่มผู้ป่วยเหล่านี้
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เป็นโรคเลือดผิดปกติ โรคติดเชื้อเรื้อรัง หรือผู้ที่ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือดบางชนิด อาจไม่เหมาะกับการรักษานี้ ดังนั้น จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับการรักษาทุกครั้ง
การรักษาด้วยวิธีฉีดเกล็ดเลือด หรือ PRP สามารถบรรเทาอาการปวดและฟื้นฟูการทำงานของข้อเข่าได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการเริ่มต้นถึงปานกลาง โดยผลการรักษาจะปรากฏชัดเจนหลังจากการฉีด 2-3 ครั้ง และคงผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 6-12 เดือน
ทั้งนี้ ประสิทธิภาพการรักษาจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ความรุนแรงและสภาพปัจจุบันของข้อ อายุและสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย รวมถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันและการดูแลตนเองหลังการรักษา
เช่นเดียวกับการรักษาทางการแพทย์อื่น ๆ การรักษาอาการเข่าเสื่อมด้วยวิธีฉีด PRP มีทั้งข้อดีและข้อควรระวังที่ผู้ป่วยควรทราบก่อนตัดสินใจเข้ารับการรักษา ดังต่อไปนี้
ผู้ป่วยส่วนใหญ่รู้สึกเจ็บเล็กน้อยคล้ายกับการฉีดยาทั่วไป เป็นเวลา 1-2 วัน
สามารถเดินได้หลังการฉีด แต่แนะนำให้หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักหรือกิจกรรมที่กระทบกระเทือนข้อเข่าเป็นเวลา 24-48 ชั่วโมงแรก เพื่อให้ PRP ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ควรแจ้งแพทย์เกี่ยวกับยาที่รับประทานอยู่ทั้งหมด โดยเฉพาะยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น วาร์ฟาริน หรือยาแอสไพริน ซึ่งอาจต้องหยุดก่อนการรักษา 5-7 วัน นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ก่อนการรักษา 24 ชั่วโมง
โดยทั่วไปต้องฉีด 2-3 ครั้ง เว้นระยะห่างครั้งละ 2-4 สัปดาห์ ผู้ป่วยมักเริ่มรู้สึกดีขึ้นหลังจากการฉีดครั้งที่ 2 และจะเห็นผลชัดเจนหลังจากครบ 3 ครั้ง ผลการรักษาสามารถคงอยู่ได้นาน 6-12 เดือน

สำหรับผู้ที่มีอาการปวดข้อเข่าเสื่อม Bonefit Clinic ขอแนะนำแพ็กเกจการรักษาด้วยวิธี PRP หรือการฉีดเกล็ดเลือดเพื่อรักษาอาการเข่าเสื่อม ด้วยราคาเริ่มต้น 4,990 บาทต่อครั้ง ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์ การฉีด PRP และการติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่อง
คลินิกของเรามีบุคลากรจากหลากหลายสาขาที่พร้อมดูแลคุณอย่างใส่ใจ ประกอบด้วยแพทย์ นักกายภาพบำบัด พยาบาล เภสัชกร และเทคนิคการแพทย์ที่มีความรู้ด้านการรักษาโรคกระดูก ข้อ และกล้ามเนื้อ พร้อมใช้อุปกรณ์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน หากสนใจเข้ารับการฉีด PRP เพื่อรักษาเข่าเสื่อม สามารถเข้ามาปรึกษาได้ที่ Bonefit Clinic กับ 2 สาขาของเรา ทั้งสาขาศรีนครินทร์ และสาขาราชพฤกษ์ ติดต่อนัดหมายแพทย์ได้ที่ 092-629-7964, 095-251-5952 หรือผ่านทาง Line ID: @BONEFIT Clinic