ในสังคมออฟฟิศยุคใหม่ ชีวิตคนทำงานส่วนใหญ่มักต้องติดหนึบอยู่กับโต๊ะทำงานและจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์วันละหลายชั่วโมง ซึ่งกลายเป็นต้นเหตุของปัญหาสุขภาพที่เรารู้จักกันในชื่อ “ออฟฟิศซินโดรม” โดยอาการนี้ไม่ได้แค่สร้างความปวดเมื่อยเรื้อรังเท่านั้น แต่ถ้าเราละเลยไม่ยอมไปรักษา ก็อาจจะส่งผลเสียต่อคุณภาพชีวิตและประสิทธิภาพการทำงานในระยะยาวได้
แต่สิ่งที่น่ากังวลไปกว่านั้น คืออาการนี้มักแฝงตัวมาอย่างเงียบ ๆ และค่อย ๆ แทรกซึมเข้ามาในชีวิตอย่างแนบเนียน จนทำให้หลายคนเริ่มชินชากับความปวดเมื่อยเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อปล่อยให้อาการลุกลามไปเรื่อย ๆ การรักษาก็จะยิ่งยากขึ้นเป็นเท่าตัว ดังนั้น การเฝ้าสังเกตและจับสัญญาณอันตรายตั้งแต่ระยะแรก ๆ จึงมีความสำคัญอย่างมาก เพราะจะช่วยให้เราสามารถจัดการกับอาการเจ้าปัญหานี้ได้อย่างทันท่วงที
ออฟฟิศซินโดรม หรือที่หลายคนเรียกกันติดปากกันว่า “โรคคนทำงาน” เป็นกลุ่มอาการที่เกิดจากการที่เราต้องนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน โดยใช้ท่าทางเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ซึ่งส่งผลให้กล้ามเนื้อและข้อต่อต่าง ๆ ในร่างกายเกิดการอักเสบและมีอาการปวดเมื่อยตามมา ทั้งนี้ อาการดังกล่าวมักพบได้บ่อยในกลุ่มคนทำงานออฟฟิศที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์เป็นประจำ
สัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณเป็นออฟฟิศซินโดรม สามารถสังเกตได้จากอาการต่อไปนี้
อาการปวดคอและไหล่นับเป็นสัญญาณแรกที่สังเกตได้ชัดเจนที่สุด เพราะเมื่อต้องนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ร่างกายมักจะอยู่ในท่าก้มคอมองหน้าจอแทบจะตลอดเวลา ส่งผลให้กล้ามเนื้อบริเวณคอและไหล่เกิดอาการตึงเกร็ง ซึ่งเป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุด
ควบคู่ไปกับอาการปวดคอและไหล่ การนั่งทำงานในท่าที่ไม่ถูกต้องยังส่งผลต่อกระดูกสันหลังส่วนล่างอีกด้วย เนื่องจากต้องแบกรับน้ำหนักตัวมากเกินไป อีกทั้งกล้ามเนื้อหลังยังต้องทำงานหนักกว่าปกติ จนกลายเป็นอาการปวดเรื้อรังที่แก้ไม่หาย
นอกจากปัญหาที่ส่วนบนของร่างกายแล้ว การใช้เมาส์และแป้นพิมพ์ซ้ำ ๆ ยังทำให้เกิดการอักเสบของเส้นเอ็นบริเวณข้อมือและนิ้วได้ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อวางข้อมือไม่ถูกท่า ซึ่งหากปล่อยไว้ก็อาจลุกลามจนกลายเป็นโรคบาดเจ็บจากการทำงานซ้ำ (Repetitive Strain Injury) ได้
เมื่อมีอาการปวดตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายแล้ว การนั่งทำงานในท่าเดิมนาน ๆ ยังอาจทำให้เกิดการกดทับเส้นประสาท ส่งผลให้รู้สึกชาหรือเสียวซ่านตามแขน ขา หรือมือ ซึ่งถือเป็นสัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม
จากความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นทั่วร่างกาย แม้จะนอนพักผ่อนเต็มที่แล้ว แต่หลายคนก็ยังรู้สึกอ่อนเพลียและไม่มีแรง เพราะกล้ามเนื้อทำงานหนักในท่าที่ไม่ถูกต้องมาเป็นเวลานาน จนเกิดเป็นความเมื่อยล้าสะสม
ความเมื่อยล้าและอาการปวดที่สะสมมานาน มักส่งผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพการนอน ทำให้หลับไม่สนิทหรือตื่นบ่อยในช่วงกลางคืน ซึ่งยิ่งจะทำให้ร่างกายอ่อนแรงมากขึ้นไปอีก
เมื่อพักผ่อนได้ไม่เต็มที่ ประกอบกับความเครียดจากงานที่สะสมมาเรื่อย ๆ มักนำไปสู่อาการปวดศีรษะเรื้อรัง ซึ่งหากปล่อยไว้นานก็อาจส่งผลกระทบต่อทั้งประสิทธิภาพการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวันได้
ด้วยความเหนื่อยล้าทั้งกายและใจที่สะสมมา ย่อมส่งผลกระทบต่อสมาธิในการทำงาน ทำให้จดจ่อกับงานได้ยากขึ้น ซึ่งท้ายที่สุดก็ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด
ไม่เพียงแค่สมาธิที่ลดลง แต่ความเจ็บปวดทางร่างกายที่เป็นมาอย่างเรื้อรัง เมื่อผสมผสานกับความเครียดจากการทำงาน ยังมักส่งผลให้อารมณ์แปรปรวนและหงุดหงิดง่ายกว่าปกติอีกด้วย
เมื่อร่างกายและจิตใจอ่อนล้า ประกอบกับการนั่งทำงานในท่าที่ไม่ถูกต้องเป็นเวลานาน ก็อาจส่งผลกระทบต่อระบบย่อยอาหาร ทำให้เกิดอาการท้องผูก ท้องอืด หรือปวดท้องได้บ่อยครั้ง
อาการออฟฟิศซินโดรมเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยในกลุ่มคนทำงาน แม้ความรุนแรงของอาการจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน แต่ก็สามารถบรรเทาและรักษาได้ด้วยวิธีต่าง ๆ ดังนี้
การแก้ไขที่ต้นเหตุถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยเริ่มจากการจัดท่าทางการนั่งทำงานให้ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการปรับความสูงของโต๊ะและเก้าอี้ให้เหมาะสม วางจอคอมพิวเตอร์ในระดับสายตา และควรลุกเดินยืดเหยียดร่างกายทุก 1-2 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังจำเป็นต้องจัดสรรเวลาพักผ่อนให้เพียงพอ และหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่กล้ามเนื้อ
หากมีอาการปวดรุนแรง แพทย์อาจพิจารณาให้ยาเพื่อบรรเทาอาการ ทั้งยาแก้ปวด ยาคลายกล้ามเนื้อ หรือยาลดการอักเสบ อย่างไรก็ตาม การใช้ยาเหล่านี้ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจมีผลข้างเคียงที่ส่งผลต่อการทำงานในชีวิตประจำวันได้
ควบคู่ไปกับการรักษาหลัก ยังมีวิธีทางเลือกอื่น ๆ ที่ช่วยบรรเทาอาการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น
สำหรับผู้ที่มีอาการปวดเรื้อรังและต้องการการรักษาอย่างเป็นระบบ การทำกายภาพบำบัดถือเป็นทางเลือกที่ได้ผลดีที่สุด โดยนักกายภาพบำบัดจะใช้เทคนิคต่าง ๆ อย่างเป็นขั้นตอน ทั้งการนวดเฉพาะจุด การประคบร้อน-เย็น การใช้คลื่นอัลตราซาวนด์ และการใช้กระแสไฟฟ้าบำบัด พร้อมทั้งแนะนำท่าบริหารที่ถูกต้องเพื่อให้ผู้ป่วยดูแลตัวเองต่อที่บ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จากปัญหาสุขภาพที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า การรักษาอาการออฟฟิศซินโดรมจำเป็นจะต้องได้รับการดูแลอย่างเป็นระบบและครบวงจร โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีอาการปวดเรื้อรังบริเวณคอ บ่า ไหล่ หรือหลัง ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพการนอนและการใช้ชีวิตประจำวัน
ด้วยความเข้าใจในปัญหาดังกล่าว Bonefit Clinic คลินิกรักษาอาการออฟฟิศซินโดรมในกรุงเทพฯ จึงได้พัฒนาโปรแกรม Progressive Muscle Relaxation ที่ช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด โดยเริ่มตั้งแต่การวิเคราะห์สาเหตุและประเมินอาการเฉพาะบุคคล จากนั้นจึงใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยทั้ง RF และ PMS เพื่อฟื้นฟูการทำงานของกล้ามเนื้อและเส้นประสาท ควบคู่ไปกับการบำบัดด้วย NAD+ IV Therapy ที่ช่วยฟื้นฟูร่างกายในระดับเซลล์ หากคุณสนใจเข้ารับการรักษาด้วยโปรแกรม Progressive Muscle Relaxation สามารถเข้ามาปรึกษาและประเมินอาการปวดหลังจากออฟฟิศซินโดรมเพื่อหาแนวทางรักษาเบื้องต้น ได้ที่ Bonefit Clinic ทั้ง 2 สาขา ทั้งที่สาขาศรีนครินทร์ และสาขาราชพฤกษ์ ติดต่อนัดหมายแพทย์ที่เบอร์ โทร. 092-629-7964, 095-251-5952 หรือ Line ID: @BONEFIT Clinic
HOME
About Us
Services
Blog
Review & Testimonials
BONEFIT THAILAND
Our Products
OA Knee Center
คลินิกรักษาข้อเข่าเสื่อม, รักษาอาการข้อเข่าเสื่อม, เเพทย์รักษาอาการข้อเข่าเสื่อมโดยไม่ต้องผ่าตัด