หลายคนคงเคยเจอปัญหานอนแล้วปวดหลัง ตื่นเช้ามารู้สึกปวดตัวจนลุกไม่ขึ้น ซึ่งอาการปวดเหล่านี้มีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะท่าทางในการนอนที่ไม่ถูกต้อง ทำให้ร่างกายไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ จนส่งผลให้เกิดอาการปวดเมื่อย โดยเฉพาะบริเวณหลัง การแก้ไขปัญหานี้จึงต้องทำอย่างถูกวิธี เพื่อให้สามารถนอนหลับได้อย่างสบายและตื่นมาพร้อมกับร่างกายที่สดชื่น
การนอนแล้วปวดหลังเกิดจากหลายปัจจัย เช่น การนอนในท่าที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งทำให้เกิดการกดทับหรือความตึงเครียดของกล้ามเนื้อและกระดูกสันหลัง รวมถึงอาจเกิดได้จากที่นอนที่ไม่เหมาะสม หรือการใช้หมอนที่ไม่พอดี นอกจากนี้ อาการปวดหลังช่วงเอวซึ่งเกิดในผู้หญิง จนหลายคนต่างมองหาวิธีแก้ ยังอาจเกิดได้จากสาเหตุการมีประจำเดือน หรืออยู่ในช่วงตั้งครรภ์เช่นกัน
ท่านอนที่ถูกต้องสามารถช่วยบรรเทาและป้องกันอาการปวดหลังได้ ลองปรับเปลี่ยนท่านอนตามคำแนะนำเหล่านี้
ท่านอนตะแคงเป็นท่าแนะนำสำหรับผู้ที่มีอาการปวดหลัง โดยแนะนำให้งอเข่าเล็กน้อย นำหมอนมารองระหว่างเข่าทั้งสองข้าง และใช้หมอนรองศีรษะให้อยู่ในระดับเดียวกับกระดูกสันหลัง เพื่อช่วยลดแรงกดทับที่กระดูกสันหลังและสะโพก ทำให้ร่างกายอยู่ในแนวธรรมชาติ
การนอนหงายเป็นอีกหนึ่งท่าที่ช่วยลดอาการปวดหลังสำหรับผู้ที่ไม่มีปัญหาเรื่องคอ หรือหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท โดยแนะนำให้ใช้หมอนบาง ๆ รองใต้ศีรษะ และวางหมอนรองใต้เข่าเอาไว้ เพื่อช่วยลดแรงกดที่หลังส่วนล่าง ซึ่งจะช่วยให้กระดูกสันหลังอยู่ในแนวตรง ไม่ถูกบิดเบือนจากแรงกดทับในจุดอื่น
แม้ท่านอนคว่ำจะไม่ได้เหมาะกับทุกคน แต่สำหรับบางคนที่ปวดหลังจากหมอนรองกระดูกปลิ้น การนอนคว่ำพร้อมมีหมอนรองบริเวณหน้าท้อง อาจช่วยลดแรงกดทับที่หลังได้ โดยแนะนำให้ใช้หมอนวางใต้ท้องเพื่อช่วยลดการแอ่นของหลัง จากนั้นค่อย ๆ ลดจำนวนหมอนลงเมื่ออาการดีขึ้น แต่ไม่แนะนำสำหรับผู้ที่มีอาการปวดคอหรือหลังส่วนบน
การป้องกันอาการปวดหลังไม่ได้ขึ้นอยู่กับท่านอนเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีปัจจัยอื่นที่ควรคำนึงถึง ได้แก่
หมอนที่ดีควรสามารถรองรับคอและศีรษะได้อย่างพอดี ไม่สูง หรือต่ำจนเกินไป เพราะหมอนที่สูงเกินไปจะทำให้กระดูกคอและกระดูกสันหลังไม่อยู่ในแนวตรง ทำให้เกิดอาการปวดหลังและคอได้ จึงควรเลือกหมอนที่รองรับคอและศีรษะให้อยู่ในแนวเดียวกับกระดูกสันหลัง
โดยเลือกที่สามารถรองรับสรีระร่างกายได้ดีและให้มีความแข็งพอเหมาะ ไม่นิ่ม หรือแข็งจนเกินไป เพราะที่นอนที่นิ่มมากจะทำให้ร่างกายจมและไม่รองรับแนวกระดูกสันหลัง ในขณะที่ที่นอนที่แข็งเกินไปจะกดทับกล้ามเนื้อและข้อต่อ ทำให้เกิดอาการปวดหลัง อีกทั้งยังควรเปลี่ยนที่นอนทุก 7-10 ปี
การนอนอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอในการบรรเทาอาการปวดหลัง การดูแลและปรับเปลี่ยนท่าทางในชีวิตประจำวันจะสามารถช่วยลดอาการได้ เช่น
น้ำหนักตัวที่มากเกินไป อาจทำให้เกิดการกดทับกระดูกสันหลังมากขึ้น โดยเฉพาะบริเวณหลังส่วนล่าง การควบคุมน้ำหนักให้เหมาะสมจะช่วยลดแรงกดทับที่กระดูกสันหลังและช่วยป้องกันอาการปวดหลังได้ จึงควรเน้นการออกกำลังกายที่เสริมสร้างกล้ามเนื้อหลังและหน้าท้อง เช่น การยืดกล้ามเนื้อ การทำโยคะ หรือการว่ายน้ำ นอกจากนี้ การเดินเป็นกิจวัตรประจำวันก็สามารถช่วยควบคุมน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงและลดความเสี่ยงในการเกิดอาการปวดหลัง แต่ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักก่อนนอน
สำหรับผู้หญิงที่มีอาการปวดหลังช่วงเอว สาเหตุมักมาจากพฤติกรรมการทำงานที่ต้องยืน หรือนั่งนานจนเกินไป การแก้ปัญหานี้ต้องเริ่มต้นจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง ดังนี้
หากลองปรับดูแล้ว อาการปวดหลังไม่ดีขึ้น หรือมีอาการรุนแรงมากกว่าเดิม ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้อง ขอแนะนำคลินิกรักษาอาการปวดหลัง Bonefit Clinic ที่ดูแลโดยทีมแพทย์เฉพาะทางกระดูกและข้อ พร้อมให้การรักษาอาการปวด คอ บ่า ไหล่ ด้วยโปรแกรมฟื้นฟูที่มีประสิทธิภาพ อย่าง Progressive Muscle Relaxation ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูสภาพร่างกายจากปัญหาอาการปวดตึงกล้ามเนื้อและพังผืดเรื้อรัง โดย Bonefit clinic บริการให้คำปรึกษา ตั้งแต่ขั้นตอนการประเมิน แจ้งรายละเอียดและค่ารักษา ให้ก่อนทำการรักษา เพื่อให้สร้างสุขภาพที่ดี แข็งแรง อย่างยั่งยืน
หากสนใจปรึกษา สามารถทำการนัดหมายได้ที่ โทร. 092-629-7964, 095-251-5952 หรือ Line ID: @BONEFIT Clinic
ข้อมูลอ้างอิง
HOME
About Us
Services
Blog
Review & Testimonials
BONEFIT THAILAND
Our Products
OA Knee Center
คลินิกรักษาข้อเข่าเสื่อม, รักษาอาการข้อเข่าเสื่อม, เเพทย์รักษาอาการข้อเข่าเสื่อมโดยไม่ต้องผ่าตัด